จากวันนั้น ถึงวันนี้ ยังอยู่ครบ
สนใจสั่งซื้อกระถาง ขนาดตามภาพ >>> คลิก <<<
ก่อนอื่นขอ ขอบคุณผู้อนุเคราะห์ ที่บริจาคแคคตัส "ดาวกระจาย" มาให้ทางร้านระเบียงไม้ดูแล
ได้มาแบบนี้เลยครับ ไม่มีกระถางมาด้วย ห่อกระดาษหนังสื่อพิมพ์มาแบบว่าเทกระถางมาเลยครับ 555
3 กอใหญ่ ๆ ได้มาตั้งแต่วันที่ 27 ช่วงเย็น ๆ วันนี้วันที่ 28 ช่วงค่ำ ๆ เลยต้องรีบเอามาลงกระถางใหม่ จะได้รอดปลอดภัยครับ
ถ้างั้นเรามาเริ่มขั้นตอนกันเลยครับ by ร้านระเบียงไม้
ขั้นตอนแรก : จัดหากระถาง ขนาดกว้างกว่ากอแคคตัส หรือ ต้นแคคตัสที่เราจะปลูกลงไปในกระถาง
ขนาดก็ใหญ่กว่าเล็กน้อย ใหญ่มากไป เปลืองดินครับ 555 จริง ๆ คือมันมีเหตุผลของมันครับ ประมาณว่าพอดี จะดีกว่านะครับ
จับต้นกดรากลงในดินเบา ๆ ห้ามฝืน แล้วใช้ดินใส่เพิ่มข้าง ๆ ลำต้นให้สามารถประคองลำต้นได้พอดีไม่โยก เป็นอันพอครับ
ถัดมาเราจะโรยหน้าดินด้วย หินภูเขาไฟเบอร์ 00 ซึ่งเป็นขนาดที่เล็กที่สุดครับ เพื่อคลุมหน้าดินไว้
และช่วยประคองให้ต้นแคคตัสอยู่กับที่ไม่โยกไปไหน
โรยหน้าดินเสร็จแล้วได้อย่างที่เห็นเลยครับ ถึงจะไม่สวยเท่าดินญี่ปุ่นแต่ก็ เป็นวัสดุที่คนเลี้ยงแคคตัสไม่ควรขาด ต้องติดไว้ในโรงเรือนหรือสวนเสมอครับ
และอีก 1 กระถาง เราก็จะโรยหน้าดินด้วย หินป๊อบเปอร์ หรือเม็ดดินเผานะครับ ไซส์ที่ผมใช้คือ S เล็กที่สุด แต่สังเกตได้ว่า ผมเทหินภูเขาไฟเบอร์ 02 ไปแล้วนิดหน่อย เพื่อประคองลำต้นไว้ก่อน ค่อยลง ป๊อบเปอร์ตามครับ
สีออกจะสวยกว่า หินภูเขาไฟนะครับ แต่คุณสมบัติไม่ต่างกันมากครับ
เมื่อโรยหน้าดินเสร็จ ก็จะสวยแบบว่าปกปิดดินที่เราปลูกไปเรียบร้อย
หลัก ๆ ผมคิดว่า เวลารดน้ำให้ แคคตัสเสร็จ หินป๊อบเปอร์ คงช่วยเก็บกักความชื้นไว้ ทำให้ แคคตัสได้รับสารอาหารได้ยาวนานมากขึ้นนะครับ
ฉีดพ่นน้ำให้นิดหน่อยครับ เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเม็ดดินเผา และ หินภูเขาไฟ ให้ค่อย ๆ ถ่ายเท ความเย็นนี้ลงไปสู่รากของแคคตัสที่เพิ่งจะปลูกใหม่ครับ
ย้ำว่า......!!!! สำหรับคนทั่วไปแล้ว นิยมย้ายแคคตัสลงกระถางใหม่ จะไม่รดน้ำนะครับ รากอาจจะเน่าเสียได้
ดังนั้นถ้าไม่ชอบวิธีนี้ ที่ผมทำอยู่ อย่าปฏิบัติตามนะครับ ควรทิ้งไว้สัก 2-3 วัน แล้วจึงค่อย ๆ พรมด้วยน้ำ หรือ ถ้ามี สารเร่งรากผสมน้ำฉีดพ่นด้วยจะดีมากครับ จนกว่าต้นจะกลับคืนสู่สภาพเดิมนะครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้นะครับ สอบถาม แลกเปลี่ยนความรู้ เทคนิคกันได้นะครับ